ขนมมงคลไทย 9 อย่าง
ความเป็นมา
“ขนมไทย” เอกลักษณ์ความเป็นไทย
นอกจากจะมีความงดงามวิจิตร ละเอียดอ่อน พิถีพิถัน ในทุกขั้นตอนของการทำแล้ว
ยังมีรสชาติที่อร่อย หอมกลิ่นพืชพรรณจากธรรมชาติ ละกลิ่นอบร่ำควันเทียน
อีกทั้งขนมแต่ละชนิด ยังมีชื่อเรียกที่บ่งบอกถึงคุณค่า
แลแฝงไปด้วยความหมายอันเป็นสิริมงคล คำว่า มงคล หมายถึงสิ่งที่นำมาซึ่งความดีงาม
และเจริญรุ่งเรือง ส่วน ขนมมงคล หมายถึง ขนมไทยที่นำไปใช้ประกอบเครื่องคาวหวาน
ถวายพระ เลี้ยงแขก ในงานพิธีมงคลต่างๆ
เช่น งานมงคลสมรส งานบวช หรืองานขึ้นบ้านใหม่ เป็นต้น
จะต้องเลือกใช้เฉพาะขนมไทยที่มีชื่อไพเราะและเป็นสิริมงคล ดังเช่น ขนมมงคล 9
อย่าง ที่จะกล่าวดังต่อไปนี้
1.ทองหยิบ
เป็น ขนมมงคล ชนิดหนึ่ง มี
ลักษณะ งดงามคล้าย ดอกไม้สีทอง ต้องใช้ ความสามารถและ ความพิถีพิถัน เป็นอย่างมาก
ใน การ ประดิษฐ์ประดอย จับกลีบ ให้มีความงดงามเหมือนกลีบดอกไม้ ชื่อ ขนมทองหยิบ
เป็นชื่อ สิริมงคล เชื่อว่าหากนำไปใช้ประกอบ พิธีมงคล ต่างๆ หรือให้เป็น ของขวัญ แก่ใครแล้ว
จะทำให้เกิด ความมั่งคั่งร่ำรวย หยิบจับ การงาน สิ่งใดก็จะ ร่ำรวย มีเงินมีทอง
สมดังชื่อ "ทองหยิบ"
สูตรขนมทองหยิบ
อุปกรณ์จำเป็น
1. กะทะทองเหลือง
กะทะทองเหลืองไว้ใช้เคี่ยวน้ำเชื่อม แล้วก็เป็นภาชนะตอนหยอดตัวทองหยิบถ้าไม่มีใช้
ก็
คงต้องใช้หม้อสะอาดธรรมดา ๆ ในบ้าน
2. ถ้วยตะไล ใช้แบบนี้ แบบปากไม่กว้างมาก แบบปากกว้าง ๆ เหมาะกับทำขนมถ้วย ถ้า
2. ถ้วยตะไล ใช้แบบนี้ แบบปากไม่กว้างมาก แบบปากกว้าง ๆ เหมาะกับทำขนมถ้วย ถ้า
แบบนี้เหมาะสำหรับทำขนมถ้วยฟู ขนมถ้วย ขนมก้นถั่ว ขนมน้ำดอกไม้
ขนมทองหยิบ
ฯลฯกรณีไม่มีให้ใช้ถ้วยพลาสติกใส ๆ ที่มีขายตามซุปเปอร์มาเก็ต
ถ้วยที่เค้าใส่วุ้นขาย คงนึกภาพออก หรือไม่ก็ใช้ฝาน้ำอัดลมขนาดลิตร หรือฝาน้ำทิพย์
(น้ำเปล่าของบริษัทโค้ก ที่สีฟ้า ๆ)
ฝาประมาณนั้นถ้วยตะไลก็ไว้สำหรับบรรจุขนมตอนหยิบแล้วต้องใส่ถ้วยไว้เพื่อให้ขนมคงรูปร่าง
3.เครื่องตีไข่และหัวตีแบบตะกร้อ ไว้สำหรับตีไข่แดง ถ้าทำปริมาณน้อยแล้วใช้เครื่องตีไข่แบบมีฐานตั้งมันก็จะไม่สมดุลย์กัน เครื่องตีไข่ขนาดใหญ่ตีไม่ถึงก้นโถ หรือใช้เครื่องตีไข่แบบสปริงมือก็ได้คะ ที่โบราณชอบใช้กัน เครื่องตีไข่แบบสปริงมือ
4.ตะแกรงโปร่ง ไว้สำหรับช้อนตัวทองหยิบขึ้นจากน้ำเชื่อมกรณีไม่มีก็ใช้ช้อนหรือทัพพีตักตัวทองหยิบขึ้นจากน้ำเชื่อมแทน
5.ถาดก้นลึก ไว้สำหรับใส่น้ำเชื่อมใสหลังจากช้อนตัวทองหยิบขึ้นจากน้ำเชื่อมข้นบนเตาแล้ว
3.เครื่องตีไข่และหัวตีแบบตะกร้อ ไว้สำหรับตีไข่แดง ถ้าทำปริมาณน้อยแล้วใช้เครื่องตีไข่แบบมีฐานตั้งมันก็จะไม่สมดุลย์กัน เครื่องตีไข่ขนาดใหญ่ตีไม่ถึงก้นโถ หรือใช้เครื่องตีไข่แบบสปริงมือก็ได้คะ ที่โบราณชอบใช้กัน เครื่องตีไข่แบบสปริงมือ
4.ตะแกรงโปร่ง ไว้สำหรับช้อนตัวทองหยิบขึ้นจากน้ำเชื่อมกรณีไม่มีก็ใช้ช้อนหรือทัพพีตักตัวทองหยิบขึ้นจากน้ำเชื่อมแทน
5.ถาดก้นลึก ไว้สำหรับใส่น้ำเชื่อมใสหลังจากช้อนตัวทองหยิบขึ้นจากน้ำเชื่อมข้นบนเตาแล้ว
กรณีไม่มีใช้กะละมังแทนได้
6.ไม้ปลายแหลม ไว้สำหรับจัดทองหยิบให้เข้ารูปสวยงาม
7.ผ้าขาวบาง” ไว้สำหรับกรองเอาเศษฝุ่นผงออกจากน้ำเชื่อมในการทำ “ขนมทองหยิบ” นั้น จะมีน้ำเชื่อมที่ต้องใช้อยู่ 2 ส่วน คือ “น้ำเชื่อมใส” และ “น้ำเชื่อมเข้มข้น”น้ำเชื่อมใส เอาไว้สำหรับแช่ตัวทองหยิบให้อุ่นขึ้น เพื่อให้เราหยิบทองหยิบได้ง่ายขึ้น และช่วยลดความเข้มข้นความหวานของตัวทองหยิบลงด้วย
6.ไม้ปลายแหลม ไว้สำหรับจัดทองหยิบให้เข้ารูปสวยงาม
7.ผ้าขาวบาง” ไว้สำหรับกรองเอาเศษฝุ่นผงออกจากน้ำเชื่อมในการทำ “ขนมทองหยิบ” นั้น จะมีน้ำเชื่อมที่ต้องใช้อยู่ 2 ส่วน คือ “น้ำเชื่อมใส” และ “น้ำเชื่อมเข้มข้น”น้ำเชื่อมใส เอาไว้สำหรับแช่ตัวทองหยิบให้อุ่นขึ้น เพื่อให้เราหยิบทองหยิบได้ง่ายขึ้น และช่วยลดความเข้มข้นความหวานของตัวทองหยิบลงด้วย
ส่วนประกอบน้ำเชื่อมใส
1.น้ำตาลทราย 200 กรัม
2.น้ำสะอาดหรือน้ำลอยดอกมะลิ 400 กรัม
ทำน้ำเชื่อมใสก่อนเอาน้ำตาลทรายเทใส่กะทะทองตามด้วยน้ำสะอาด เอาไม้พายหรือทัพพีคนเล็ก
1.น้ำตาลทราย 200 กรัม
2.น้ำสะอาดหรือน้ำลอยดอกมะลิ 400 กรัม
ทำน้ำเชื่อมใสก่อนเอาน้ำตาลทรายเทใส่กะทะทองตามด้วยน้ำสะอาด เอาไม้พายหรือทัพพีคนเล็ก
น้อย พอละลาย ไม่ต้องละลายหมดก็ได้ เอาไปตั้งไฟกลาง ๆ ให้น้ำตาลละลายให้หมดแล้วปิดเตาเลยระหว่างตั้งไฟไม่ต้องคนมากแล้ว
คนมากน้ำตาลจะตกทรายตอนหลัง
3.หลังจากปิดเตาน้ำเชื่อมใสแล้วก็เอาผ้าขาวบางกรองใส่ภาชนะไว้ถาดหรือกะละมังแล้วแต่ท่าน
3.หลังจากปิดเตาน้ำเชื่อมใสแล้วก็เอาผ้าขาวบางกรองใส่ภาชนะไว้ถาดหรือกะละมังแล้วแต่ท่าน
จะมี ถ้าผ้าขาวบางมันบางมากก็พับ 2 ทบนะคะ
เอากระชอนไว้ข้างล่าง แล้วเอาผ้าขาวบางวางลงไป แล้วก็เทน้ำเชื่อมลงไปแบบนั้น
ส่วนผสมตัวทองหยิบและน้ำเชื่อมเข้มข้น1.น้ำตาลทราย 1,500 กรัม (จริง ๆ ใช้ 1,200 กรัม)
2.น้ำสะอาดหรือน้ำลอยดอกมะลิ 1,500 กรัม (จริง ๆใช้น้ำสะอาด 1,200 กรัม)
3.ไข่เป็ด 240 กรัม (ประมาณ 8 ฟอง) (ใช้เฉพาะไข่แดง)
วิธีทำ
1. ถ้าใช้ไข่เป็ดเพียงอย่างเดียว ถ้าได้ไข่เป็ดที่ไข่แดงแดงสวย สีทองหยิบจะออกสีส้ม แต่ขนมจะออกแข็งเมื่อเทียบกับใช้ไข่ไก่
2. ถ้าใช้ไข่ไก่เพียงอย่างเดียว ถ้าได้ไข่ไก่ที่ไข่แดงสีเหลือง สีทองหยิบจะออกมาสีเหลือง ไม่ออกสีส้ม ส่วนมากไข่แดงของไข่ไก่สีเหลืองมากกว่าสีส้ม เนื้อขนมจะนิ่มมากถ้าใช้ไข่ไก่เพียงอย่างเดียว
3. ถ้าใช้ทั้งไข่ไก่และไข่เป็ดจะดีมาก ๆ ได้ทั้งดีและได้ทั้งความนิ่ม ไม่แข็งกระด้างเกินไป
4. บางร้านที่เห็น ๆ อาจใช้ไข่ไก่และใส่สีส้มช่วย เพื่อให้ออกสี เพราะไข่ไก่ถูกกว่าไข่เป็ดนิดหน่อย
บางตำราใช้ไข่ไก่ บางตำราใช้ไข่เป็ด บางตำราใช้ไข่ 2 ชนิดปนกัน
เมื่อคืนใช้ไข่เป็ดทำ สีสวย เนื้อขนมจะแข็ง
ถ้าใช้ไข่ไก่ทำ สีไม่สวย สีออกเหลือง แต่เนื้อขนมนิ่มมาก
1. ถ้าใช้ไข่เป็ดเพียงอย่างเดียว ถ้าได้ไข่เป็ดที่ไข่แดงแดงสวย สีทองหยิบจะออกสีส้ม แต่ขนมจะออกแข็งเมื่อเทียบกับใช้ไข่ไก่
2. ถ้าใช้ไข่ไก่เพียงอย่างเดียว ถ้าได้ไข่ไก่ที่ไข่แดงสีเหลือง สีทองหยิบจะออกมาสีเหลือง ไม่ออกสีส้ม ส่วนมากไข่แดงของไข่ไก่สีเหลืองมากกว่าสีส้ม เนื้อขนมจะนิ่มมากถ้าใช้ไข่ไก่เพียงอย่างเดียว
3. ถ้าใช้ทั้งไข่ไก่และไข่เป็ดจะดีมาก ๆ ได้ทั้งดีและได้ทั้งความนิ่ม ไม่แข็งกระด้างเกินไป
4. บางร้านที่เห็น ๆ อาจใช้ไข่ไก่และใส่สีส้มช่วย เพื่อให้ออกสี เพราะไข่ไก่ถูกกว่าไข่เป็ดนิดหน่อย
บางตำราใช้ไข่ไก่ บางตำราใช้ไข่เป็ด บางตำราใช้ไข่ 2 ชนิดปนกัน
เมื่อคืนใช้ไข่เป็ดทำ สีสวย เนื้อขนมจะแข็ง
ถ้าใช้ไข่ไก่ทำ สีไม่สวย สีออกเหลือง แต่เนื้อขนมนิ่มมาก
เอาน้ำตาลทรายกับน้ำสะอาดเทใส่กะทะทองตั้งไฟกลาง ๆ
เอาไม้พายหรือทัพพีคนนิดหน่อยพอน้ำตาลละลาย ไม่ต้องคนมากสักพักน้ำตาลก็จะละลายหมด
น้ำเชื่อมก็จะเริ่มเดือดนะน้ำตาลละลายหมด
น้ำเชื่อมเดือดแล้วลดไฟลงอ่อนเลย น้ำเชื่อมมันจะเดือดปล่อยมันไปเรื่อย
ๆ เราต้องควบคุม ความเข้มข้นมาก ๆ เลยไม่งั้นทองหยิบไม่เป็นทองหยิบ ถ้ามีฟอง
มีคราบสกปรก ให้ช้อนทิ้งไป
ถ้าน้ำเชื่อมมีคราบ มีฝ้า
ให้ช้อนทิ้งไปน แต่คราบจะออกมากตอนเราหยอดตัวทองหยิบแล้วตอน เคี่ยวน้ำเชื่อมมีไม่เท่าไร เคี่ยวน้ำเชื่อมไฟอ่อน ๆ ประมาณ 1-1
1/2 ชั่วโมง
น้ำเชื่อมใกล้ได้ที่ สักประมาณ 20 นาทีก่อนครบเวลา
1 ชั่วโมงหรือ 1 1/2 ชั่วโมงที่บอกเตรียมไข่ไว้ ตอกไข่ใส่ถ้วยใบเล็ก ๆ ทีละฟอง เวลาเลือกไข่
เลือกที่ผิวด้าน ๆ น้ำหนักมาก เขย่าดูไม่โคลงเคลง ไข่ใหม่จะ มีลักษณะตามที่บอก
ถ้าตอกไข่ออกมาแล้วไข่แดงต้องนูน ๆ ไข่ขาวอยู่ติดกับไข่แดง ไม่เหลวเตรียมภาชนะไว้ใส่ไข่แดงและไข่ขาวที่แยกแล้วด้วยนะไข่แดงใช้กะละมังใหญ่หน่อย
ไข่ขาวใส่กล่องไว้เลย เดี๋ยวต้องเก็บเข้าตู้เย็นแล้วเทไข่ที่ตอกไว้ในถ้วยใส่มือใดมือหนึ่ง
ไข่ขาวจะลอดมือลงไป เอากล่องหรือชามรองข้างล่าง
ส่วนไข่ขาวบริเวณที่ติดไข่แดงใช้นิ้วหัวแม่มือของอีกมือค่อย ๆ
รูดออกไปทำตามที่บอกสุดท้ายก็จะได้แต่ไข่แดง ก็ทำไปเรื่อย ๆ ทีละฟองจนครบไข่ที่ต้องการ
ใส่กะละมัง พยายามรีดไข่ขาวออกให้หมดให้มากที่สุด
เพราะถ้ามีไข่ขาวปนในไข่แดงมากก็จะทำให้ตัวทองหยิบที่ได้แข็งกระด้าง แล้วก็เอาไข่แดงที่แยกไว้ไปตีใช้ความเร็วต่ำ
ตีประมาณ 6-8 นาทีได้ไข่จะมีฟองเล็ก ๆ
อยู่ ทองหยิบไม่ต้องตีไข่ให้ฟูมากเหมือนทองหยอด ตีให้ฟูปานกลางพอ แต่อย่ายึดเอาเวลาในการตีเป็นมาตรฐาน
ขึ้นกับความสดใหม่ของไข่ ขึ้นกับปริมาณไข่ที่ตี วิธีที่จะเช็คว่าไข่ได้ที่หรือเปล่าคือต้องหยอดไข่ลงในน้ำเชื่อมเราตีไข่ก็เพื่อให้ไข่แดงเก็บกักอากาศเอาไว้
การเก็บ กักอากาศทำให้ไข่ฟูถ้าตีไข่ไม่ได้ที่ คือ ฟูน้อยไป ทองหยิบที่ได้จะด้าน
แข็งกระด้าง ไม่ฟู วิธีการแก้ไขคือ
เอาไข่ไปตีใหม่ให้ฟูมากกว่าเดิมถ้าตีไข่ฟูมากเกินไป ตอนหยอดทองหยิบจะแตกหมดเลย
ไม่เป็นแผ่นกลม วิธีการแก้ไขคือ ตอกไข่แดงมาเพิ่ม แล้วคน ๆ ให้เข้ากัน
ไม่ต้องไปตีต่อไข่ที่ตีไว้พักไว้ก่อน หาฝาหรืออะไรครอบไว้ด้วย ไม่ง้านผิวด้านบนมันจะแข็งจับตัวเป็นก้อน
หยอดแล้วเดี๋ยวทองหยิบไม่สวยสุดท้ายน้ำเชื่อมที่ได้จะประมาณนี้คือ น้ำเชื่อมข้น
สีเหลืองอ่อน ก่อนหยอดไข่ลงในน้ำเชื่อม ปิดเตาปิดเตาแล้วรอให้น้ำเชื่อมนิ่งแล้วก็ใช้ช้อนตักไข่ที่ตีไว้
หยอดไปในน้ำเชื่อม ก่อนตักหยอดเอาช้อนคนไข่นิดหน่อยถ้าใช้ถ้วยตะไลหยอด 1 ช้อนโต๊ะเต็ม ๆ ถ้าใช้ฝาขวดน้ำอัดลมแบบที่บอกไว้ในความคิดเห็นบน
ๆ ไม่ต้องเต็มช้อนดี หยอดไปรอบ ๆ กะทะทอง ตรงกลางไม่ต้องหยอด
เว้นช่วงแต่ละอันประมาณ 2 เซนติเมตร
ถ้าน้ำเชื่อมได้ที่ไข่ที่หยอดไปจะเป็นรูปร่างกลมเวลา ตักหยอด หยอดลงไปเฉย ๆ
ไม่ต้องวน ๆ ไข่มันจะแผ่เป็นกลม ๆ เองถ้าน้ำเชื่อมและไข่ตีได้ที่รอบ ๆ
ไข่ที่หยอดไปจะเกิดขอบรอบ ๆ ขึ้นมา
*** ต้องรีบหยอด
รีบหยอด ห้ามช้า หยอดเสร็จแล้วเปิดไฟอ่อน ๆ เลย ถ้าหยอดช้า เปิดไฟช้า
ด้านล่างจะเป็นไต แข็งกระด้างพอเปิดไฟแล้วไข่จะฟู ๆ มาแบบนี้ รอบ ๆ จะฟูก่อน
ถ้าไข่ไม่ฟูเป็นได้ 2 ประเด็น
คือ น้ำเชื่อมข้นไป ให้ตักไข่ออก เติมน้ำเปล่าลงไปสักทีละ 1-2 ช้อนโต๊ะ
แล้วก็เริ่มทำใหม่ หรืออีกกรณีคือตีไข่ไม่ได้ที่ ไม่ฟูพอ เอาไข่ไปตีใหม่ ในทางตรงกันข้าม
ถ้าไข่หยอดแล้วฟูแตกกระจาย น้ำเชื่อมใสไป ต้องเคี่ยวน้ำเชื่อมให้เข้มข้นกว่าเดิม
หรือตีไข่ฟูไปเอาไข่แดงใส่ เพิ่ม มันยากตรงนี้ ยากกว่าตอนหยิบอีก ***
ไข่ด้านบนฟู ๆ สักพักแล้วเร่งไฟแรงขึ้นอีกนิดหน่อย เพื่อให้ไข่สุก ถ้าไม่สุกจะคาว ให้น้ำเชื่อมเดือด
แล้วก็เอาช้อนพลิกด้านล่างขึ้นมาด้านบน ด้านบนขึ้นมาด้านล่าง พลิกให้ครบทุกอัน ด้านที่อยู่ด้านบนตอนนี้มันจะเรียบกว่าอีกด้าน แผ่นทองหยิบจะมี 2 ด้าน ด้านเรียบกับด้านขรุขระ เดี๋ยวมันจะไปสัมพันธ์กับตอนหยิบ ระหว่างที่แผ่นไข่อยู่ในกระทะทองนี่ ถ้าน้ำเชื่อมมีคราบให้ช้อนทิ้งตลอด ไม่งั้นทองหยิบจะเป็นคราบไม่สวย นี่ก็สำคัญอีก สำคัญไปหมดเลย ละเอียดจริง ๆ รอจนไข่สุกหมด ใช้เวลาประมาณ 3 นาที หรือมากกว่านี้ถ้าหยอดเยอะ ไข่สุกหมดแล้วปิดเตาได้เลย แล้วเอาตะแกรงโปร่งหรือช้อนตักแผ่นทองหยิบขึ้น ใช้กระชอนหรือช้อนตักขึ้นแล้วก็เอาไปแช่ในน้ำเชื่อมใสที่ เตรียมไว้เอาไปแช่ในน้ำเชื่อมใส เพื่อให้มันอุ่นตัวนิดนึง เตรียมถ้วยตะไลไว้ แล้วก็ต้องรีบหยิบตอนที่แผ่นไข่อุ่นอยู่ ถ้าเย็นแล้วมันจะหยิบลำบาก ไม่ค่อยอยู่ด้วยอธิบายกรณีเป็นคนถนัดมือขวา
ทองหยิบจะมี 2 ด้าน คือ ด้านเรียบและด้านขรุขระ ให้เอาด้านเรียบไว้ด้านล่าง ด้านขรุขระไว้ด้านบน เอาปลายนิ้วทั้งสองมือประคองแผ่นทองหยิบ
- นิ้วหัวแม่มือของมือซ้ายวางตำแหน่งเลข 6 ของนาฬิกา
- นิ้วกลางมือซ้ายหยิบตรงตำแหน่งเลข 8.30 ของนาฬิกา ตอนนี้จะได้จีบแรกแล้ว
- นิ้วชี้มือซ้ายหยิบตรงตำแหน่งเลข 11.30 ของนาฬิกา ตอนนี้จะได้จีบที่ 2
- นิ้วหัวแม่มือมือขวาหยิบตรงตำแหน่งเลข 5.30 ของนาฬิกา ตอนนี้จะได้จีบที่ 3
- นิ้วกลางมือขวาหยิบตรงตำแหน่งเลข 3 ของนาฬิกา ตอนนี้จะได้จีบที่ 4
- นิ้วชี้มือขวาหยิบตรงตำแหน่ง 12.30 นาฬิกา จะได้จีบที่ 5 พอดี
ไข่ด้านบนฟู ๆ สักพักแล้วเร่งไฟแรงขึ้นอีกนิดหน่อย เพื่อให้ไข่สุก ถ้าไม่สุกจะคาว ให้น้ำเชื่อมเดือด
แล้วก็เอาช้อนพลิกด้านล่างขึ้นมาด้านบน ด้านบนขึ้นมาด้านล่าง พลิกให้ครบทุกอัน ด้านที่อยู่ด้านบนตอนนี้มันจะเรียบกว่าอีกด้าน แผ่นทองหยิบจะมี 2 ด้าน ด้านเรียบกับด้านขรุขระ เดี๋ยวมันจะไปสัมพันธ์กับตอนหยิบ ระหว่างที่แผ่นไข่อยู่ในกระทะทองนี่ ถ้าน้ำเชื่อมมีคราบให้ช้อนทิ้งตลอด ไม่งั้นทองหยิบจะเป็นคราบไม่สวย นี่ก็สำคัญอีก สำคัญไปหมดเลย ละเอียดจริง ๆ รอจนไข่สุกหมด ใช้เวลาประมาณ 3 นาที หรือมากกว่านี้ถ้าหยอดเยอะ ไข่สุกหมดแล้วปิดเตาได้เลย แล้วเอาตะแกรงโปร่งหรือช้อนตักแผ่นทองหยิบขึ้น ใช้กระชอนหรือช้อนตักขึ้นแล้วก็เอาไปแช่ในน้ำเชื่อมใสที่ เตรียมไว้เอาไปแช่ในน้ำเชื่อมใส เพื่อให้มันอุ่นตัวนิดนึง เตรียมถ้วยตะไลไว้ แล้วก็ต้องรีบหยิบตอนที่แผ่นไข่อุ่นอยู่ ถ้าเย็นแล้วมันจะหยิบลำบาก ไม่ค่อยอยู่ด้วยอธิบายกรณีเป็นคนถนัดมือขวา
ทองหยิบจะมี 2 ด้าน คือ ด้านเรียบและด้านขรุขระ ให้เอาด้านเรียบไว้ด้านล่าง ด้านขรุขระไว้ด้านบน เอาปลายนิ้วทั้งสองมือประคองแผ่นทองหยิบ
- นิ้วหัวแม่มือของมือซ้ายวางตำแหน่งเลข 6 ของนาฬิกา
- นิ้วกลางมือซ้ายหยิบตรงตำแหน่งเลข 8.30 ของนาฬิกา ตอนนี้จะได้จีบแรกแล้ว
- นิ้วชี้มือซ้ายหยิบตรงตำแหน่งเลข 11.30 ของนาฬิกา ตอนนี้จะได้จีบที่ 2
- นิ้วหัวแม่มือมือขวาหยิบตรงตำแหน่งเลข 5.30 ของนาฬิกา ตอนนี้จะได้จีบที่ 3
- นิ้วกลางมือขวาหยิบตรงตำแหน่งเลข 3 ของนาฬิกา ตอนนี้จะได้จีบที่ 4
- นิ้วชี้มือขวาหยิบตรงตำแหน่ง 12.30 นาฬิกา จะได้จีบที่ 5 พอดี
ไม่รู้จะบรรยายยังไง ก็แผ่นทองหยิบมันกลม ๆ ก็ลองนึกภาพเอา
แนะนำให้ตัดกระดาษทิชชูเป็นแผ่นกลม ๆ ขนาดเท่าทองหยิบ แล้วก็ลองหยิบไป
หรือไม่ก็อ่านกระทู้นี้ไปลองทำมือไป ส่วนมากจะนิยม 5 หยิบ สวยดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป
แล้วก็เอามาใส่ถ้วย ใช้ปลายไม้เก็บรายละเอียดให้เข้าที่เข้าทาง หยิบไปเรื่อย ๆ
จนหมด ถ้าทำคนเดียวต้องหยอดไข่ไปหยิบไป ถ้าทำสองคนก็คนนึงหยอดไข่ อีกคนหยิบ
เอาทองหยิบใส่ถ้วยไว้อย่างน้อย 20 นาทีเพื่อให้คงรูปร่าง แล้วถึงใช้ไม้แหลมจิ้มออกจากถ้วยไปจัดใส่จาน
ทองหยิบที่ดีต้องมีลักษณะดังนี้
1. กลิ่นหอม ไม่คาว
2. ฟูเต็มถ้วย
3. นุ่มไม่แข็งกระด้าง ก้นไม่เป็นไตแข็ง
4. คงรูปเมื่ออกจากพิมพ์
5. อิ่มน้ำเชื่อม
6. สีเหลืองสวยไม่คล้ำ
1. กลิ่นหอม ไม่คาว
2. ฟูเต็มถ้วย
3. นุ่มไม่แข็งกระด้าง ก้นไม่เป็นไตแข็ง
4. คงรูปเมื่ออกจากพิมพ์
5. อิ่มน้ำเชื่อม
6. สีเหลืองสวยไม่คล้ำ
2.ทองหยอด
ใช้ประกอบใน พิธีมงคล ทั้งหลาย หรือมอบเป็น
ของขวัญ ใน โอกาสสำคัญ ๆ แก่ผู้ใหญ่ที่เคารรักหรือ ญาติสนิทมิตรสหาย แทน คำอวยพร
ให้ ร่ำรวยมีเงินมีทอง ใช้จ่ายอย่างไม่รู้หมดสิ้น ประดุจให้ ทองคำ แก่กัน
ส่วนผสม - ไข่เป็ด 16 ฟอง
- น้ำตาลทราย 2 1/2 กิโลกรัม
- แป้งข้าวเจ้า 6 ช้อนโต๊ะ
- น้ำ 8 ถ้วย
วิธีทำ
1. แป้งข้าวเจ้าตากแห้ง อบดอกมะลิและกระดังงาไว้ 1 คืน
แล้วจึงค่อยใช้การเชื่อมน้ำตาล ต้องทำอย่างเดียวกับทำทองหยิบ
สำหรับทำทองหยอดต้องเชื่อมน้ำตาล 2 ชนิด คือ1.1 เชื่อมน้ำตาล 1 กก. น้ำ 4 ถ้วย อบดอกมะลิ กระดังงา ไว้สำหรับแช่
1.2 เชื่อมน้ำตาล 1 1/ 2 กก. น้ำ 4 ถ้วย สำหรับหยอด เมื่อเชื่อมดีแล้วใส่กระทะทอง
2. ต่อยไข่ขาว แยกไข่ขาว ไข่แดงรีดเอาเยื่อออก ตีไข่แดงให้ขึ้นฟูมากกว่าทองหยิบ
3. แบ่งไข่ออกเป็น 4 ส่วน ผสมไข่กับแป้งที่ละส่วน ไข่ 1 ส่วน ใส่แป้ง 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
4. ยกกระทะน้ำเชื่อมตั้งไฟให้เดือดพล่าน
ใช้นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ และนิ้วกลาง ขยุ้มแป้งให้ติดนิ้วมาให้พอดี 1 ลูก การหยอดนั้นให้ใหญ่เล็กตามพอใจ
พอขยุ้มขึ้นมือเป็นจังหวะยั้งให้ติดนิ้วกลาง และยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นจรดนิ้วกลางเหนือแป้งที่ขยุ้มขึ้นมา
แล้วรูดแป้งไปทางปลายนิ้วทั้ง 3 นิ้ว สะบัดลงในกระทะทันที
การหยอดต้องทำตามอาการที่กล่าวนี้ให้เร็วที่สุดมิฉะนั้นทองหยอดจะไม่เป็นดังทองหยอดที่เห็นอยู่
3. ฝอยทอง
เป็น ขนม ใน ตระกูลทอง
ที่มีลักษณะเป็น เส้น นิยมใช้กันในง านมงคลสมรส ถือเคล็ด กันว่าห้ามตัดขนม
ให้สั้นต้องปล่อยให้เป็น เส้นยาวๆ เพื่อที่ คู่บ่าวสาว จะได้ ครองชีวิตคู่ และ รัก
กันได้อย่างยืนยาวตลอดไป
“ฝอยทอง” เป็นหนึ่งในขนมตระกูลทอง
เปรียบเสมือนเส้นด้ายที่ยาวไม่รู้จบ
ใครได้รับฝอยทองเหมือนจะเปรียบเปรยว่าทำให้มีชีวิตยืนยาว คือการมีสุขภาพดีนั่นเอง
สูตรขนมฝอยทอง
อุปกรณ์จำเป็น
1.กระทะทองเหลืองและไม้พาย สำหรับเคี่ยวน้ำเชื่อมและคนให้น้ำตาลละลาย
2.ผ้าขาวบาง สำหรับกรองไข่
3.ไม้ปลายแหลม สำหรับสอย “ฝอยทอง”
4.ใบตอง สำหรับทำกรวย แต่ถ้ามีกรวยสำหรับทำฝอยทองแล้วก็ไม่ต้องใช้คะ
การทำ “ฝอยทอง” นั้น มีส่วนประกอบสำคัญ 2 ส่วน คือ น้ำเชื่อมและไข่
อุปกรณ์จำเป็น
1.กระทะทองเหลืองและไม้พาย สำหรับเคี่ยวน้ำเชื่อมและคนให้น้ำตาลละลาย
2.ผ้าขาวบาง สำหรับกรองไข่
3.ไม้ปลายแหลม สำหรับสอย “ฝอยทอง”
4.ใบตอง สำหรับทำกรวย แต่ถ้ามีกรวยสำหรับทำฝอยทองแล้วก็ไม่ต้องใช้คะ
การทำ “ฝอยทอง” นั้น มีส่วนประกอบสำคัญ 2 ส่วน คือ น้ำเชื่อมและไข่
ส่วนน้ำเชื่อม
1.น้ำตาลทราย 1,000 กรัม
2.น้ำลอยดอกมะลิ 1,000 กรัม (กรณีไม่มีน้ำลอยดอกมะลิใช้น้ำเปล่าแทนค่ะ)
เอาน้ำตาลทรายและน้ำเปล่าใส่กระทะทองเหลือง ใช้ไม้พายคนนิดหน่อยพอให้น้ำตาลละลาย ยกขึ้นตั้งไฟแรงให้น้ำตาลทรายละลายให้หมดตั้งไฟแล้วไม่ต้องคนมากค่ะ ไม่เช่นนั้นแล้วจะตกทรายภายหลัง
3.เมื่อน้ำตาลทรายละลายหมดแล้วให้ลดไฟลงเป็นไฟกลางไปทางอ่อนแทน ความเข้มข้นของน้ำเชื่อมในการทำ “ฝอยทอง” นั้น น้ำเชื่อมต้องเข้มข้นมากกว่าการทำ “เม็ดขนุน” แต่ต้องเข้มข้นน้อยกว่าการทำ “ทองหยอด” และ “ทองหยิบ” ใช้เวลาเคี่ยวน้ำเชื่อมประมาณ 20 นาทีได้คะ นับจากน้ำตาลลทรายละลายหมดแล้วนะ กะเวลาเอาคะ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นกับประสบการณ์นะ ต้องลองโรยไข่ดู
4.ระหว่างนั้นมาทำอย่างอื่นก่อน ใบตองสำหรับทำกรวย ฉีกให้มีความกว้างประมาณ 6-7 นิ้ว เช็ดให้สะอาด จากนั้นพับครึ่งแบบนี้ แล้วม้วนให้เป็นกรวยลักษณะนี้ ถ้ามีไม้กลัดเอาไม้กลัดติด ถ้าไม่มีก็ใช้แม็ก เย็บกระดาษก็ได้ ให้ปลายกรวยมีรูเล็ก ๆ เหลือไว้ให้เป็นทางไข่ออกมาด้วย จะทำเผื่อไว้อีกอันก็ดี ใบตองอีกส่วนก็ปูใส่ถาดไว้ สำหรับรองรับ “ฝอยทอง” ที่สอยขึ้นมาจากกระทะทองเหลือง
1.น้ำตาลทราย 1,000 กรัม
2.น้ำลอยดอกมะลิ 1,000 กรัม (กรณีไม่มีน้ำลอยดอกมะลิใช้น้ำเปล่าแทนค่ะ)
เอาน้ำตาลทรายและน้ำเปล่าใส่กระทะทองเหลือง ใช้ไม้พายคนนิดหน่อยพอให้น้ำตาลละลาย ยกขึ้นตั้งไฟแรงให้น้ำตาลทรายละลายให้หมดตั้งไฟแล้วไม่ต้องคนมากค่ะ ไม่เช่นนั้นแล้วจะตกทรายภายหลัง
3.เมื่อน้ำตาลทรายละลายหมดแล้วให้ลดไฟลงเป็นไฟกลางไปทางอ่อนแทน ความเข้มข้นของน้ำเชื่อมในการทำ “ฝอยทอง” นั้น น้ำเชื่อมต้องเข้มข้นมากกว่าการทำ “เม็ดขนุน” แต่ต้องเข้มข้นน้อยกว่าการทำ “ทองหยอด” และ “ทองหยิบ” ใช้เวลาเคี่ยวน้ำเชื่อมประมาณ 20 นาทีได้คะ นับจากน้ำตาลลทรายละลายหมดแล้วนะ กะเวลาเอาคะ ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นกับประสบการณ์นะ ต้องลองโรยไข่ดู
4.ระหว่างนั้นมาทำอย่างอื่นก่อน ใบตองสำหรับทำกรวย ฉีกให้มีความกว้างประมาณ 6-7 นิ้ว เช็ดให้สะอาด จากนั้นพับครึ่งแบบนี้ แล้วม้วนให้เป็นกรวยลักษณะนี้ ถ้ามีไม้กลัดเอาไม้กลัดติด ถ้าไม่มีก็ใช้แม็ก เย็บกระดาษก็ได้ ให้ปลายกรวยมีรูเล็ก ๆ เหลือไว้ให้เป็นทางไข่ออกมาด้วย จะทำเผื่อไว้อีกอันก็ดี ใบตองอีกส่วนก็ปูใส่ถาดไว้ สำหรับรองรับ “ฝอยทอง” ที่สอยขึ้นมาจากกระทะทองเหลือง
ส่วนผสมของไข่
1.ไข่แดงของไข่เป็ด 150 กรัม (ประมาณ 7 ฟอง)
2.ไข่แดงของไข่ไก่ 140 กรัม (ประมาณ 7 ฟอง)
3.ไข่น้ำค้าง 20 กรัม
4.น้ำมันพืช 5 กรัม
ถ้าใช้ไข่แดงของไข่เป็ดอย่างเดียว ฝอยทองจะแข็งกระด้างไป
ถ้าใช้ไข่แดงของไข่ไก่อย่างเดียว ฝอยทองจะเละไปและสีไม่สวย
ไข่น้ำค้าง ตามสูตรใช้ 20 กรัม ซึ่งต้องได้จากไข่ประมาณ 40-50 ฟอง
1.ไข่แดงของไข่เป็ด 150 กรัม (ประมาณ 7 ฟอง)
2.ไข่แดงของไข่ไก่ 140 กรัม (ประมาณ 7 ฟอง)
3.ไข่น้ำค้าง 20 กรัม
4.น้ำมันพืช 5 กรัม
ถ้าใช้ไข่แดงของไข่เป็ดอย่างเดียว ฝอยทองจะแข็งกระด้างไป
ถ้าใช้ไข่แดงของไข่ไก่อย่างเดียว ฝอยทองจะเละไปและสีไม่สวย
ไข่น้ำค้าง ตามสูตรใช้ 20 กรัม ซึ่งต้องได้จากไข่ประมาณ 40-50 ฟอง
วิธีทำ
1.แยกไข่แดงออกจากไข่ขาวกันก่อน ตอกไข่ใส่ถ้วยใบเล็ก ๆ แล้วก็มาเทใส่มือ ถ้าไข่ใหม่และสด ไข่แดงจะนูน ๆ และไข่ขาวยังเป็นก้อน ๆ ติดกับไข่แดง ใช้นิ้วหัวแม่โป้งค่อย ๆ รูดไข่ขาวออกไปคะ ให้เหลือแต่ไข่แดงใส่ภาชนะไว้ เปลือกไข่อย่าเพิ่งทิ้ง เก็บไว้ เพราะเราต้องเอาไข่น้ำค้างจากเปลือกไข่ ไข่น้ำค้างคือส่วนของไข่ขาวที่ค้างอยู่บนเปลือกไข่ ซึ่งจะทำให้เส้น “ฝอยทอง” นุ่มเหนียว และเวลาโรย “ฝอยทอง” แล้วทำให้เส้นเรียบสม่ำเสมอ แยกไข่เสร็จแล้วก็มารูดเอาไข่น้ำค้างออกจากเปลือกไข่นะคะ ไข่ 14 ฟองได้ไข่น้ำค้างนิดเดียวเองชั่งดูยังไม่ถึง 10 กรัมเลย
2.เอาไข่แดงของไข่เป็ดเทใส่ภาชนะ ตามด้วยไข่แดงของไข่ไก่ ตามด้วยไข่น้ำค้าง ใช้ช้อนคนให้เข้ากัน จากนั้นเอาน้ำมันพืชใส่ลงไปคะ ใส่ 1 ช้อนซุป ใส่ไปทำไม น้ำมันพืชช่วยให้เส้น “ฝอยทอง” เงาและนุ่มขึ้น แล้วก็คนให้เข้ากัน
3.เราต้องมากรองไข่กันก่อน ก็เอาผ้าขาวบางมารองบนภาช เอาส่วนผสมของไข่เทลงไป รวบชายผ้าแล้วก็เอามือรูดส่วนผสมไข่ให้กรองผ่านผ้าขาวบางออกไป เมื่อกรองไข่แล้วลองตักมาสักช้อนแล้วโรยไข่ลงมา ถ้าไข่ไหลสะดวกต่อเนื่องกันมาเรื่อย ๆ แสดงว่าใช้ได้ ถ้าไหลขาด ๆ หยุด ๆ กรองใหม่อีกครั้ง
4.มาทดสอบกรวยกันก่อนว่าใช้ได้ไหม เอานิ้วปิดรูกรวยไว้ก่อนตักส่วนผสมของไข่ใส่ไปใบกรวยคะ แล้วลองยกกรวยดู เปิดรูกรวย ไข่ไหลผ่านสะดวกไหม ถ้าแบบนี้ไม่สะดวก เป็นหยด ๆ ให้แก้โดยการเอาไม้ปลายแหลมทิ่มจากด้านในกรวยให้รูกรวยกว้างขึ้น ให้ไข่ไหลสะดวก
5.หันไปดูน้ำเชื่อม น้ำเชื่อมต้องเดือดฟองค่อนข้างละเอียดนะทำ “ฝอยทอง” น้ำเชื่อมต้องเดือดพล่าน แต่ไฟต้องไม่แรงมาก
6.เอาไข่ใส่กรวยแล้วเอานิ้วปิดรูกรวยไว้ก่อน พอถึงตรงน้ำเชื่อมก็เปิดรูกรวยให้ไข่ไหลลงไปเวลา โรยให้โรยรอบ ๆ กระทะทองเหลืองเลย ถ้าได้สักเส้นผ่าศูนย์กลาง 15 นิ้วขึ้นไปจะดีนะ รอบจะได้กว้าง โรยไข่ไปเรื่อย ๆ แต่อย่าให้เส้นทับกัน นับด้วยว่าโรยครั้งละกี่รอบ ทำให้เท่า ๆ กันทุกครั้ง จะได้แพขนาดเท่ากัน
1.แยกไข่แดงออกจากไข่ขาวกันก่อน ตอกไข่ใส่ถ้วยใบเล็ก ๆ แล้วก็มาเทใส่มือ ถ้าไข่ใหม่และสด ไข่แดงจะนูน ๆ และไข่ขาวยังเป็นก้อน ๆ ติดกับไข่แดง ใช้นิ้วหัวแม่โป้งค่อย ๆ รูดไข่ขาวออกไปคะ ให้เหลือแต่ไข่แดงใส่ภาชนะไว้ เปลือกไข่อย่าเพิ่งทิ้ง เก็บไว้ เพราะเราต้องเอาไข่น้ำค้างจากเปลือกไข่ ไข่น้ำค้างคือส่วนของไข่ขาวที่ค้างอยู่บนเปลือกไข่ ซึ่งจะทำให้เส้น “ฝอยทอง” นุ่มเหนียว และเวลาโรย “ฝอยทอง” แล้วทำให้เส้นเรียบสม่ำเสมอ แยกไข่เสร็จแล้วก็มารูดเอาไข่น้ำค้างออกจากเปลือกไข่นะคะ ไข่ 14 ฟองได้ไข่น้ำค้างนิดเดียวเองชั่งดูยังไม่ถึง 10 กรัมเลย
2.เอาไข่แดงของไข่เป็ดเทใส่ภาชนะ ตามด้วยไข่แดงของไข่ไก่ ตามด้วยไข่น้ำค้าง ใช้ช้อนคนให้เข้ากัน จากนั้นเอาน้ำมันพืชใส่ลงไปคะ ใส่ 1 ช้อนซุป ใส่ไปทำไม น้ำมันพืชช่วยให้เส้น “ฝอยทอง” เงาและนุ่มขึ้น แล้วก็คนให้เข้ากัน
3.เราต้องมากรองไข่กันก่อน ก็เอาผ้าขาวบางมารองบนภาช เอาส่วนผสมของไข่เทลงไป รวบชายผ้าแล้วก็เอามือรูดส่วนผสมไข่ให้กรองผ่านผ้าขาวบางออกไป เมื่อกรองไข่แล้วลองตักมาสักช้อนแล้วโรยไข่ลงมา ถ้าไข่ไหลสะดวกต่อเนื่องกันมาเรื่อย ๆ แสดงว่าใช้ได้ ถ้าไหลขาด ๆ หยุด ๆ กรองใหม่อีกครั้ง
4.มาทดสอบกรวยกันก่อนว่าใช้ได้ไหม เอานิ้วปิดรูกรวยไว้ก่อนตักส่วนผสมของไข่ใส่ไปใบกรวยคะ แล้วลองยกกรวยดู เปิดรูกรวย ไข่ไหลผ่านสะดวกไหม ถ้าแบบนี้ไม่สะดวก เป็นหยด ๆ ให้แก้โดยการเอาไม้ปลายแหลมทิ่มจากด้านในกรวยให้รูกรวยกว้างขึ้น ให้ไข่ไหลสะดวก
5.หันไปดูน้ำเชื่อม น้ำเชื่อมต้องเดือดฟองค่อนข้างละเอียดนะทำ “ฝอยทอง” น้ำเชื่อมต้องเดือดพล่าน แต่ไฟต้องไม่แรงมาก
6.เอาไข่ใส่กรวยแล้วเอานิ้วปิดรูกรวยไว้ก่อน พอถึงตรงน้ำเชื่อมก็เปิดรูกรวยให้ไข่ไหลลงไปเวลา โรยให้โรยรอบ ๆ กระทะทองเหลืองเลย ถ้าได้สักเส้นผ่าศูนย์กลาง 15 นิ้วขึ้นไปจะดีนะ รอบจะได้กว้าง โรยไข่ไปเรื่อย ๆ แต่อย่าให้เส้นทับกัน นับด้วยว่าโรยครั้งละกี่รอบ ทำให้เท่า ๆ กันทุกครั้ง จะได้แพขนาดเท่ากัน
7.สักพักก็เอาไม้ปลายแหลมเขี่ยให้เส้น
“ฝอยทอง” มาอยู่ด้านเดียวกัน
ใช้ไม้ปลายแหลมกดเส้นฝอยทองให้จมน้ำเชื่อม เพื่อให้ไข่สุก จะได้ไม่คาว
8.แล้วก็เอาไม้ปลายแหลมสอยฝอยทองให้เป็นแพ แล้วส่ายไปส่ายมาในน้ำเชื่อมเพื่อช่วยให้เส้น ตรงขึ้น ตรงนี้นึกภาพตาม แล้วก็ทิ้งให้น้ำเชื่อมหยดสักพัก แล้วก็เอาไปวางบนถาดที่ปูใบตองไว้คแล้วก็ทำซ้ำเหมือนเดิมใหม่ ข้อแนะนำคือ น้ำเชื่อมมันจะเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ฝอยทองตกทรายได้ ห้เติมน้ำสะอาดลงไปครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ ก่อนที่จะโรยไข่ลงไปใหม่ วิธีการดูน้ำเชื่อมว่าเข้มขึ้นคือ ยิ่งเข้มข้นมาก ฟองเดือดจะยิ่งเล็กมากขึ้น ให้ดูฟองน้ำเชื่อมเอานะคะไข่แดง 1 ฟอง ได้ “ฝอยทอง” แพเล็ก ๆ อย่างนี้ 1 แพคะ ไม่ต้องแปลกใจทำไม “ฝอยทอง” แพงจัง
แต่ท่านน่าจะทำได้ ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย แค่ต้องละเอียดเท่านั้นเอง
8.แล้วก็เอาไม้ปลายแหลมสอยฝอยทองให้เป็นแพ แล้วส่ายไปส่ายมาในน้ำเชื่อมเพื่อช่วยให้เส้น ตรงขึ้น ตรงนี้นึกภาพตาม แล้วก็ทิ้งให้น้ำเชื่อมหยดสักพัก แล้วก็เอาไปวางบนถาดที่ปูใบตองไว้คแล้วก็ทำซ้ำเหมือนเดิมใหม่ ข้อแนะนำคือ น้ำเชื่อมมันจะเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ฝอยทองตกทรายได้ ห้เติมน้ำสะอาดลงไปครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ ก่อนที่จะโรยไข่ลงไปใหม่ วิธีการดูน้ำเชื่อมว่าเข้มขึ้นคือ ยิ่งเข้มข้นมาก ฟองเดือดจะยิ่งเล็กมากขึ้น ให้ดูฟองน้ำเชื่อมเอานะคะไข่แดง 1 ฟอง ได้ “ฝอยทอง” แพเล็ก ๆ อย่างนี้ 1 แพคะ ไม่ต้องแปลกใจทำไม “ฝอยทอง” แพงจัง
แต่ท่านน่าจะทำได้ ไม่ได้ยุ่งยากอะไรเลย แค่ต้องละเอียดเท่านั้นเอง
4. ขนมชั้น
เป็น ขนมไทย ที่ถือเป็น ขนมมงคล และจะต้อง หยอด ขนมชั้น ให้ได้ 9 ชั้น เพราะ คนไทย มีความเชื่อว่าเลข 9 เป็น
เลขสิริมงคล หมายถึง ความเจริญก้าวหน้า และ ขนมชั้น ก็หมายถึงการได้เลื่อนชั้น
เลื่อน ยศถาบรรดาศักดิ์ ให้สูงส่งยิ่งๆ ขึ้นไป
ส่วนผสม ขนมชั้น
-
แป้ง 4 ขีด
-
น้ำตาลทรายขาว 7 1/2 ขีด
-
มะพร้าวขาว 1/2 ก.ก. หลังจากคั้นจะได้น้ำกะทิ 1.2 ก.ก.
-
ใบเตยตำละเอียดคั้นน้ำให้ได้ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. นำแป้งมานวดกับกะทิจนนุ่มมือ
2. เติมน้ำตาลทรายลงในเนื้อแป้งแล้วนวดจนกระทั้งน้ำตาลทรายละลายเข้ากัน
3. น้ำแป้งไปกรองให้สะอาด แล้วแบ่งออกเป็นส่วนๆ ผสมกับใบเตย
4. ผสมสีลงไปตามต้องการ
5. ใช้น้ำมันทาที่ถาดพิมพ์ แล้วนำไปนึ่งให้ถาดร้อนก่อนที่จะหยอดเนื้อแป้ง
6. ตักเนื้อแป้งลงในถาดพิมพ์ แล้วเกลี่ยให้เสมอกัน
7. นำไปนึ่งโดยชั้นแรกนี้ใช้เวลาประมาณ 4 นาที ชั้นที่ 2 ใช้เวลา 5 นาที ชั้นที่ 3 ใช้เวลา 6 นาที ชั้นสุดท้ายใช้เวลา 10 นาที เพียงเท่านี้เราก็จะได้ขนมชั้นสุดอร่อยแล้วหละ
2. เติมน้ำตาลทรายลงในเนื้อแป้งแล้วนวดจนกระทั้งน้ำตาลทรายละลายเข้ากัน
3. น้ำแป้งไปกรองให้สะอาด แล้วแบ่งออกเป็นส่วนๆ ผสมกับใบเตย
4. ผสมสีลงไปตามต้องการ
5. ใช้น้ำมันทาที่ถาดพิมพ์ แล้วนำไปนึ่งให้ถาดร้อนก่อนที่จะหยอดเนื้อแป้ง
6. ตักเนื้อแป้งลงในถาดพิมพ์ แล้วเกลี่ยให้เสมอกัน
7. นำไปนึ่งโดยชั้นแรกนี้ใช้เวลาประมาณ 4 นาที ชั้นที่ 2 ใช้เวลา 5 นาที ชั้นที่ 3 ใช้เวลา 6 นาที ชั้นสุดท้ายใช้เวลา 10 นาที เพียงเท่านี้เราก็จะได้ขนมชั้นสุดอร่อยแล้วหละ
ข้อแนะนำ
-
ต้องนึ่งไฟแรงที่สุด
-
ต้องการให้ขนมเหนียวต้องนวดนานๆ
-
ต้องการแกะออกจากพิมพ์เร็วๆต้องแช่ในน้ำเย็นเสียก่อน
ขนมจะเย็นเร็วขึ้น
5.
ขนมทองเอก
เป็น ขนม ในตระกูล ทอง อีกชนิดหนึ่งที่ต้องใช้ความ พิถีพิถันเป็นอย่างยิ่งในทุก
ขั้นตอน การทำ มีลักษณะที่ สง่างาม โดดเด่นกว่า ขนม ตระกูลทอง ชนิดอื่นๆ ตรงที่มี
ทองคำเปลว ติดไว้ที่ด้านบนของขนม คำว่า "เอก" หมายความถึง
การเป็นที่หนึ่ง การใช้ ขนมทองเอก ประกอบ
พิธีมงคล สำคัญต่างๆ หรือใช้มอบเป็น ของขวัญ ใน งานฉลอง การเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง จึง เปรียบเสมือน คำอวยพร ให้ เป็นที่หนึ่ง ด้วย
พิธีมงคล สำคัญต่างๆ หรือใช้มอบเป็น ของขวัญ ใน งานฉลอง การเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง จึง เปรียบเสมือน คำอวยพร ให้ เป็นที่หนึ่ง ด้วย
ขนมทองเอกสูตรที่
1
ส่วนผสม
- ไข่เป็ด 5 ฟอง
- น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
- ไข่ไก่ 5 ฟอง
- แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
- หัวกะทิ 1 1/4 ถ้วยตวง
ส่วนผสม
- ไข่เป็ด 5 ฟอง
- น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
- ไข่ไก่ 5 ฟอง
- แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
- หัวกะทิ 1 1/4 ถ้วยตวง
วิธีทำ
1.ต่อยไข่แยกไข่ขาวออกไข่แดงใส่ชามปิดฝาไว้อย่าให้ถูกลม
2.หัวกระทิผสมน้ำตาลทรายตั้งไฟอ่อนๆ เคี่ยวให้เป็นยางมะตูมยกลงจากเตา
3.ใส่ไข่แดงที่แยกไว้ลงในหัวกระทิที่เคี่ยวไว้คนเร็วๆ ให้เข้ากัน ใส่แป้งลงคนต่อให้เข้ากัน แล้วยกขึ้นกวนด้วยไฟอ่อนๆ จนไข่สุกและแป้งล่อนออกจากกระทะ ยกลง
4.ตัดขนมเป็นก้อนกลม แตะทองคำเปลวชิ้นเล็กๆ แล้วถดลงในพิมพ์ไว้ให้แน่น แล้วเคาะออก เรียงใส่ภาชนะ
1.ต่อยไข่แยกไข่ขาวออกไข่แดงใส่ชามปิดฝาไว้อย่าให้ถูกลม
2.หัวกระทิผสมน้ำตาลทรายตั้งไฟอ่อนๆ เคี่ยวให้เป็นยางมะตูมยกลงจากเตา
3.ใส่ไข่แดงที่แยกไว้ลงในหัวกระทิที่เคี่ยวไว้คนเร็วๆ ให้เข้ากัน ใส่แป้งลงคนต่อให้เข้ากัน แล้วยกขึ้นกวนด้วยไฟอ่อนๆ จนไข่สุกและแป้งล่อนออกจากกระทะ ยกลง
4.ตัดขนมเป็นก้อนกลม แตะทองคำเปลวชิ้นเล็กๆ แล้วถดลงในพิมพ์ไว้ให้แน่น แล้วเคาะออก เรียงใส่ภาชนะ
ขนมทองเอกสูตรที่
2
ส่วนผสม
- แป้งข้าวจ้าว 2 ขีด
- น้ำตาลทราย 2.5 ขีด
- หัวกะทิ 2.50 ขีด
- ไข่ไก่ 20 ฟอง
- น้ำ 1.75 ขีด
- แป้งข้าวจ้าว 2 ขีด
- น้ำตาลทราย 2.5 ขีด
- หัวกะทิ 2.50 ขีด
- ไข่ไก่ 20 ฟอง
- น้ำ 1.75 ขีด
***ทำขนมทองเอกได้ประมาณ 70-80
ชิ้น
วิธีทำ
แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกให้นำน้ำกะทิและน้ำตาลคนให้เข้ากันแล้วพักไว้ ส่วนที่2
นำแป้ง
ข้าวจ้าวและน้ำนวดให้เนียนไม่ให้แป้งแข็งเป็นก้อน
เสร็จแล้วตอกไข่ใส่กะละมังแล้วบรรจงรีด เอาเฉพาะไข่แดง
ผสมกับแป้งแล้วนวดไว้ให้เข้ากันแล้วจึงนำส่วนผสมที่ 1ไปเคี่ยวไฟปานกลาง 15 นาทีโดยลดไฟให้อ่อนที่สุดเสร็จแล้วพักไว้
5 นาที แล้วใส่ส่วนผสมที่ 2 ลงไป
กวนโดยใช้ไฟอ่อน 30 นาทีแล้วจึงเร่งไฟขึ้นกวนต่ออีก 30
นาที ให้เนื้อเนียนละเอียดแล้วจึงเอาขึ้นพักไว้ให้อุ่น
เสร็จแล้วจึงนำมาใส่แม่พิมพ์
แต่ถ้าไม่มีสามารถปั้นเป็นรูปหัวใจหรือรูปอะไรก็ได้ตามต้องการ
เสร็จแล้วตกแต่งหน้าด้วยทองคำเปลวแท้ก็เป็นอันเสร็จพิธี
แต่ถ้าใครมีเทียนหอมอบขนมก็นำขนมทองเอกไปอบควันเทียนให้หอมได้เสร็จแล้วจะมอบขนมทองเอกให้คู่รักหรือมอบให้ผู้ใหญ่แทนความรักความปรารถนาดี
6.
ขนมเม็ดขนุน
เป็นหนึ่งใน ขนม ตระกูลทองเช่นกัน มี
สีเหลืองทอง รูปร่างลักษณะคล้ายกับ เม็ดขนุน ข้าง
ในมีไส้ทำด้วย
ถั่วเขียวบด มี ความเชื่อกันว่า ชื่อของ ขนมเม็ดขนุน จะเป็น สิริมงคล
ช่วยให้มีคนสนับสนุน หนุนเนื่อง ในการดำเนินชีวิตและในหน้าที่การงานหรือ
กิจการต่างๆ ที่ได้กระทำอยู่
สูตรขนมเม็ดขนุน
ส่วนผสม
◊ ถั่วเขียวเราะเปลือกนึ่ง 2 ถ้วยตวง
◊ มะพร้าวขูดขาว 1/4 ถ้วยตวง
◊ หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง
◊ น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
◊ ไข่แดง 14 ฟอง
◊ มะพร้าวขูดขาว 1/4 ถ้วยตวง
◊ หัวกะทิ 1/2 ถ้วยตวง
◊ น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
◊ ไข่แดง 14 ฟอง
น้ำเชื่อม
◊ น้ำตาลทราย 3 ถ้วยตวง
◊ น้ำลอยดอกไม้สด 3 ถ้วยตวง
◊ น้ำลอยดอกไม้สด 3 ถ้วยตวง
วิธีทำ
◊ แช่ถั่วให้นิ่ม แล้วนำมานึ่งให้สุก
จากนั้นบดให้ละเอียด แล้วนำมะพร้าวขูดและหัวกะทิ ผสมลงในกระทะทองเหลือง
ใส่ถั่วที่บดละเอียดแล้วกวนให้เข้ากัน ใส่น้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน
ยกขึ้นตั้งไฟกลาง กวนไปเรื่อยๆ กวนจนถั่วร่อนจากกระทะ เสร็จแล้วพักให้เย็น
◊ แล้วปั้นให้เหมือนเม็ดขนุน แล้วก็มาทำน้ำเชื่อม นำน้ำตาลทรายและน้ำลอยดอกไม้สดใส่ในกระทะทอง ยกขึ้นตั้งไฟพอเดือดน้ำตาลละลาย นำมากรองด้วยผ้าขาวบาง แล้วนำไปเคี่ยวต่อจนเป็นยางมะตูม จึงยกลงจากเตา นำเม็ดขนุนที่ปั้นไว้จุ่มลงในไข่แดง แล้วใส่ลงในน้ำเชื่อมที่เป็นยางมะตูม ใส่ให้เต็มกระทะ แล้วนำขึ้นตั้งไฟอ่อนๆจนสุกเป็นเงาตักขึ้น เสร็จแล้ว
◊ แล้วปั้นให้เหมือนเม็ดขนุน แล้วก็มาทำน้ำเชื่อม นำน้ำตาลทรายและน้ำลอยดอกไม้สดใส่ในกระทะทอง ยกขึ้นตั้งไฟพอเดือดน้ำตาลละลาย นำมากรองด้วยผ้าขาวบาง แล้วนำไปเคี่ยวต่อจนเป็นยางมะตูม จึงยกลงจากเตา นำเม็ดขนุนที่ปั้นไว้จุ่มลงในไข่แดง แล้วใส่ลงในน้ำเชื่อมที่เป็นยางมะตูม ใส่ให้เต็มกระทะ แล้วนำขึ้นตั้งไฟอ่อนๆจนสุกเป็นเงาตักขึ้น เสร็จแล้ว
7.
ขนมจ่ามงกุฎ
เป็น ขนม ที่ทำยากมี ขั้นตอนใน การทำ
สลับซับซ้อน นิยมทำกันเพื่อใช้ประกอบ พิธีการ ที่
สำคัญจริงๆ
คำว่า "จ่ามงกุฎ" หมายถึง การเป็น หัวหน้าสูงสุดแสดงถึงความมี
เกียรติยศสูงส่ง นิยมใช้เป็น ของขวัญ ใน งานเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่งถือเป็น
การแสดงความยินดี และ อวยพร ให้มีความก้าวหน้า ในหน้าที่การ งาน ยิ่งๆ ขึ้นไป
1. เม็ดแตงโมแกะแล้ว 1/2 ถ้วย
2. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
3. น้ำดอกมะลิ 1 ถ้วย
4. ทองคำเปลวแท้ 2 แผ่น
5. แป้งสาลี 1 ถ้วย
6. ไข่แดงของไข่ไก่ 3 ฟอง
1. เชื่อมน้ำตาล โดยใช้น้ำตาลกับน้ำดอกมะลิตั้งไฟให้เดือด กรองด้วยผ้าขาวบาง แล้วตั้งไฟต่ออีก 5 นาที
2. ล้างขัดกะทะทองเหลืองให้สะอาดเป็นเงา ตะแคงข้างหนึ่ง คั่วเม็ดแตงโมโดยใช้มือจุ่มลง ในน้ำเชื่อม แล้วกวาดไปมา จนน้ำตาลแห้งแล้ว ใช้มื่อจุ่มน้ำเชื่อม ทำเช่นนี้ต่อไป จนน้ำตาลเกาะเป็นหนามติดเม็ดแตงโมพองาม เก็บใส่ภาชนะอย่าให้อากาศเข้า
3. ระหว่างที่กวาดเม็ดแตงโมอยู่นั้น ต้องตะแคงกะทะและใช้ ผ้าขาวบางเช็ดกะทะ
ให้สะอาดอยู่เสมอ
4. นวดแป้งกับไข่แดงจนนิ่มมือ ถ้ายังแห้งอยู่จึงเติมน้ำ แล้ว คลึงแป้งเป็นแผ่นบาง ๆ กดให้กลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 เซนติเมตร นำแผ่นแป้งที่ตัดแล้ว ใส่ในถ้วยตะไลใช้มือ กดเบา ๆ ให้เป็นรูปก้นถ้วยตะไล ใช้ส้อมจิ้มให้ทั่วจึงเอาไป อบพอสุกกลายเป็นแป้งรองขนม
5. การทำมงกุฏ ให้เอาน้ำตาลทรายใส่หม้อเล็ก ๆ ใส่น้ำนิด หน่อย ตั้งไฟอ่อน ๆ พอน้ำตาลละลายเอาเม็ดแตงโมที่ กวาดไว้แล้วลงจุ่มให้น้ำตาลติดกับแป้งที่อบไว้รอบ ๆ
6. ปั้นทองเอกกลม ๆ วางตรงกลาง ใช้มีดปลายแหลมผ่าเป็น 6 พู เหมือนผลมะยม แล้วปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ เท่าเม็ดถั่วเขียววางบนยอดขนมที่ผ่าไว้ ใช้ทองคำเปลวตัดเป็น สี่เหลี่ยมชิ้นเล็ก ๆ แตะตรงยอดมองเห็นเหมือนมงกุฎ
1. การทำแป้งรองขนมจ่ามงกุฏนั้นบางครั้งก็ต้องเติมน้ำและบาง ครั้ง ก็ไม่ต้องเติม ทั้งนี้แล้วแต่น้ำในไข่ที่ใช้นั่นเอง
2. ทองคำเปลว ต้องแน่ใจว่าเป็นของแท้ เพราะถ้าเป็นของปลอม จะเป็นอันตรายมาก เนื่องจากสารตะกั่ว
8. ขนมถ้วยฟู
ให้ ความหมาย อันเป็น สิริมงคล หมายถึง
ความเจริญรุ่งเรืองเฟื่องฟู
นิยมใช้ประกอบใน พิธีมงคล ต่างๆ ทุกงาน เคล็ดลับของการทำ ขนมถ้วย ให้มีกลิ่นหอม น่ารับประทานนั้น คือการใช้ น้ำดอกไม้ สดเป็น ส่วนผสม แ ละการอบร่ำ ด้วย ดอกมะลิ สดในขั้นตอนสุดท้ายของ การทำ
นิยมใช้ประกอบใน พิธีมงคล ต่างๆ ทุกงาน เคล็ดลับของการทำ ขนมถ้วย ให้มีกลิ่นหอม น่ารับประทานนั้น คือการใช้ น้ำดอกไม้ สดเป็น ส่วนผสม แ ละการอบร่ำ ด้วย ดอกมะลิ สดในขั้นตอนสุดท้ายของ การทำ
ขนมถ้วยฟู ขนมปุยฝ้าย
มีความหมายว่าความรุ่งเรืองความเฟื่องฟูของชีวิต
ส่วนประกอบ
1. ข้าวสาร 1 ลิตร ซาวให้สะอาด แช่น้ำไว้ 5 ชั่วโมง เอาไปทับโม่ให้ ละเอียดใส่ถุงผ้าผูกปากให้แน่นใช้ของ หนัง ๆ ทับให้น้ำแห้งหรือใช้แป้ง สำเร็จรูปที่มีขายอยู่แล้วก็ได้
2. น้ำตาลทราย 1 ก.ก.
3. น้ำตอกไม้สด 3 ถ้วย
4. ผงฟู 1 ช้อนชา
5. สีผสมอาหาร
1. ข้าวสาร 1 ลิตร ซาวให้สะอาด แช่น้ำไว้ 5 ชั่วโมง เอาไปทับโม่ให้ ละเอียดใส่ถุงผ้าผูกปากให้แน่นใช้ของ หนัง ๆ ทับให้น้ำแห้งหรือใช้แป้ง สำเร็จรูปที่มีขายอยู่แล้วก็ได้
2. น้ำตาลทราย 1 ก.ก.
3. น้ำตอกไม้สด 3 ถ้วย
4. ผงฟู 1 ช้อนชา
5. สีผสมอาหาร
วิธีทำ
1.เอาแป้งใส่ภาชนะผสมด้วยน้ำตาลทรายและน้ำดอก ไม้สด ผงฟู สีทำขนม ผสมให้เข้ากัน
2.หมักทิ้งไว้พอเห็นว่าแป้งขึ้นจึงจะใช้ได้เสร็จแล้วจึง จะเอาไปใส่ถ้วยตะไลเล็ก ๆ ใส่พอค่อนถ้วย แล้วเอาไปนึ่งให้สุกเสร็จแล้วแคะออกใส่ภาชนะที่มีฝา แล้วอบด้วยดอกมะลิสด
1.เอาแป้งใส่ภาชนะผสมด้วยน้ำตาลทรายและน้ำดอก ไม้สด ผงฟู สีทำขนม ผสมให้เข้ากัน
2.หมักทิ้งไว้พอเห็นว่าแป้งขึ้นจึงจะใช้ได้เสร็จแล้วจึง จะเอาไปใส่ถ้วยตะไลเล็ก ๆ ใส่พอค่อนถ้วย แล้วเอาไปนึ่งให้สุกเสร็จแล้วแคะออกใส่ภาชนะที่มีฝา แล้วอบด้วยดอกมะลิสด
9. ขนมเสน่ห์จันทน์
"จันทน์" เป็น
ต้นไม้ชนิดหนึ่ง มี ผลสุก สีเหลือง เปล่งปลั่งทั้งสวยงามและมี กลิ่นหอม ชวน
ให้หลงใหล
คน โบราณ จึงนำ ความมีเสน่ห์ของ ผลจันทน์ มาประยุกต์ทำเป็น ขนม และได้นำ
"ผลจันทน์ป่น" มาเป็นส่วนผสมทำให้มี กลิ่นหอม เหมือน ผลจันทน์
ให้ชื่อว่า "ขนมเสน่ห์จันทน์" โดยเชื่อว่าคำว่า เสน่ห์จันทน์
เป็นคำที่มี สิริมงคล จะทำให้มี เสน่ห์ คนรักคนหลงดังเสน่ห์ ของ ผลจันทน์
ขนมเสน่ห์จันทน์ จึงถูกนำมาใช้ประกอบในงาน พิธีมงคลสมรส
ส่วนผสม
- แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วย
- แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
- มะพร้าวขูดขาว 600 กรัม
- ไข่ไก่ (ใช้เฉพาะไข่แดง) 2 ฟอง
- น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
- ลูกจันทน์ป่น 1/2 ถ้วย
- สีผสมอาหาร สีเหลือง สีส้ม สีเหลืองไข่ไก่ สีน้ำตาล
- สีผสมอาหาร สีเหลือง สีส้ม สีเหลืองไข่ไก่ สีน้ำตาล
วิธีทำ
1. ร่อนแป้งก่อนตวง
ผสมแป้งทั้งสองชนิดเข้าด้วยกัน
2. คั้นกะทิข้นๆ ให้ได้ 3 ถ้วย ผสมกับน้ำตาล คนให้ละลายแล้วกรอง
3. ผสมแป้งกับกะทิที่ผสมน้ำตาล ใส่ลูกจันทน์ป่น
สีเหลือง ให้คล้ายลูกจันทน์สีอ่อนๆ ใส่ลงในกระทะทอง
4. ตั้งไฟอ่อนๆ กวนจนจับเป็นก้อน
ใส่ไข่แดงในแป้งขณะที่ยังร้อน รีบคนให้เข้ากัน แล้วกวนต่อไปจนเป็นก้อนพอปั้นได้
ยกลง
5. ปั้นเป็นก้อนเล็กๆเท่าลูกจันทน์
(ต้องปั้นในขณะที่แป้งยังอุ่นๆ ปั้นให้กลมเกลี้ยงเรียบ ให้ลูกเล็กใหญ่เท่ากัน
ตามต้องการ)
6. ระบายเป็นขั้วของลูกจันทน์
ตกแต่งด้วยใบและก้านของลูกจันทน์จะได้คล้ายลูกจันทน์ของจริง

อ้างอิง
น่ากินนะครับ
ตอบลบ